โทร: 096-187-5888เพื่อรับสิทธิ รักษาฝ้าฟรี 1 ครั้ง

ผิวบาง คืออะไร เกิดจากอะไร พร้อมวิธีรักษา

Share

สารบัญ

ผิวบาง คืออะไร เกิดจากอะไร พร้อมวิธีรักษา

หากพูดถึงเรื่องของปัญหา ผิวบาง หลายคนอาจไม่เคยสังเกตมาก่อน หรืออาจไม่คิดว่าเป็นปัญหาใหญ่อะไรมากมาย แต่แท้ที่จริงแล้ว ผิวบาง สามารถส่งผลกระทบต่าง ๆ กับสุขภาพผิวมากกว่าที่คิด และยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิด ฝ้า กระ จุดด่างดํา และยังอาจส่งผลต่อการเลือกวิธีในการรักษาฝ้า อีกด้วย แล้วเพราะอะไร ผิวบาง จึงกลายเป็นเรื่องที่เราไม่ควรมองข้าม ถ้าอย่างนั้นไปทำความเข้าใจเรื่องปัญหา ผิวบาง ให้มากขึ้นแบบรู้ลึกรู้จริงกัน

ยิ่งอายุเพิ่มขึ้น ชั้นผิวบางลง พาไปรู้จักกับ “ผิวบาง” ที่เกิดขึ้นตามอายุ

ยิ่งอายุเพิ่มขึ้น ชั้นผิวบางลง พาไปรู้จักกับ “ผิวบาง” ที่เกิดขึ้นตามอายุ

เมื่อมนุษย์เกิดมาผิวหนังชั้นนอกสุดจะความหนาประมาณ 50-100 ไมโครเมตร จากนั้นผิวก็จะมีความบางลงจากไขมันในชั้นผิวที่ลดลงไปตามอายุหรือความเสื่อมสภาพตามวัยที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ เมื่อตอนวัยทารก พอเราเริ่มโตและเข้าสู่วัยชั้นประถมผิวจะเริ่มบางลง พอเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นผิวก็จะบางลงไปตามลำดับ พออายุช่วงวัยทองผิวจะบางลงเร็วที่สุด และวัยชราอายุสักประมาณ 80 – 90 ปี ก็จะบางถึงขั้นสุด อาจจะสังเกตได้ว่าเมื่อเวลาเราล้มในตอนเด็ก ๆ นั้นอาจจะไม่ค่อยรู้สึกเจ็บหรือเกิดบาดแผลได้ง่ายมากเท่าไร แต่เมื่อยิ่งอายุเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงวัยชราพอเราล้มหรือมีการกระทบกระเทือนที่ผิวเราจะรู้สึกเจ็บง่ายขึ้นหรือเกิดบาดแผลลึกง่ายขึ้นนั่นเอง

กลไกหรือสาเหตุที่อาจทำให้เกิด ผิวบาง ก่อนวัย

กลไกหรือสาเหตุที่อาจทำให้เกิด ผิวบาง ก่อนวัย

รู้หรือไม่ว่าแม้ผิวของเราจะบางลงตามอายุแล้ว ผิวของเรายังมีการสูญเสียคอลลาเจนอีกปีละประมาณ 1% โดยในชั้นผิวคนเราจะประกอบไปด้วย คอลลาเจน อิลาสติน ไฟโบรเนกทิน อินทิกริน และ Extracellular matrix (ECM) ซึ่งเป็นโปรตีนในชั้นผิว เมื่อผิวเราเสียโปรตีนเหล่านี้ไปปีละ 1% ผิวเราจะยิ่งบางลงทุกปี ซึ่งการที่ผิวบางลงตามอายุนั้นเป็นอันตรายกับใบหน้าอย่างมากอยู่แล้ว พอเราเสียคอลลาเจนจากปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ หรือพฤติกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นความเครียด มลภาวะ อาหารการกิน การใช้ชีวิต ฯลฯ ไปอีก ก็จะยิ่งทำให้ผิวของเราเสี่ยงอันตรายจากภาวะ ผิวบาง มากขึ้น

ผลกระทบต่อผิวหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จาก ผิวบาง

ผลกระทบต่อผิวหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จาก ผิวบาง

เมื่อผิวของเราสูญเสียคอลจาเจนที่อยู่ในชั้นผิวหนังไปอย่างน้อยปีละ 1% จนทำให้ ผิวบาง ลงเรื่อย ๆ จะเกิดผลเสีย ดังต่อไปนี้

  1. ผิวของเราจะไวต่อแสง เวลาเราออกแดดเพียงครู่เดียวก็จะรู้สึกแสบหน้า เพราะว่าตัวแสงยูวีจะลงลึกมาถึงเมลาโนไซต์ชั้นล่างได้ง่าย
  2. พอรังสียูวีในแสงแดดสามารถเจาะทะลุไปถึงเมลาโนไซต์ด้านล่างได้ง่าย สิ่งที่ตามมาก็คือจะทำให้ผิวหนังของเราไปกระตุ้นการสร้างเมลานินได้ง่ายขึ้น ความหมายก็คือ ทำให้เกิด ฝ้า กระ จุดด่างดำ ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
  3. เมื่อเกิดปัญหา ผิวบาง แล้วจะทำให้เรากลายเป็นคนผิวแพ้ง่าย ไม่ว่าจะโดนฝุ่นโดนลมก็จะระคายเคืองผิวได้ง่าย เป็นคนที่หน้าตาเกิดผื่นเกิดหมองคล้ำได้ง่าย
  4. ผิวจะมีความแห้งผากมากกว่าปกติ ไม่มีความชุ่มชื้น ผิวไม่เด้งหรือไม่ติดสปริง
  5. เมื่อผิวบางแล้วอาจจะทำให้ผิวมีริ้วรอยได้ง่ายขึ้น แลดูแก่กว่าวัย
  6. ผิวจะหย่อนคล้อยได้ง่าย ไม่กระชับ

สิ่งที่กระตุ้นให้ ผิวบาง เร็วขึ้น และควรหลีกเลี่ยง

ผลกระทบต่อผิวหรืออันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้จาก ผิวบาง
  1. การผลัดเซลล์ผิวบ่อย ๆ ด้วยครีมหรือไวท์เทนนิ่ง เช่น ผลิตภัณฑ์ทำให้เกิดใบหน้าขาวใสบางประเภทซึ่งมักจะมีสารที่กระตุ้นให้ ผิวบาง เร็ว ไม่ว่าจะเป็นสเตียรอยด์ วิตามินซีที่เข้มข้นเกินไป อาบูติน หรือแม้กระทั่งการใช้เรตินอลหรือวิตามินเอในความเข้มข้นที่สูงเกินไปก็กระตุ้นให้เกิด ผิวบาง เร็วกว่าปกติได้
  2. การทำเลเซอร์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นหัตถการที่ต้องใช้ความร้อนสูง และมีการทำลายตัวเซลล์ผิวหนังชั้นบนออกเพื่อทำให้เกิดบาดแผล โดยหวังผลว่าเมื่อบาดแผลหายแล้วจะมีการซ่อมแซมผิวและได้ผิวใหม่ที่ดีกว่าผิวเดิม แต่อย่างไรก็ตามการทำเลเซอร์นั้นยังคงมีข้อควรระวังหลายจุด เช่น ในคนอายุเกิน 25 ปีขึ้นไป ผิวหนังไม่สามารถที่จะซ่อมแซมตัวเองได้ 100% หลังทำเลเซอร์แล้วในบางครั้งผิวของบางคนก็ไม่สามารถที่จะซ่อมแซมมาปิดแผลของเลเซอร์ได้ 100% จึงทำให้เกิดความเปราะบางของผิวหนังตรงส่วนนั้นและกลายเป็นภาวะ ผิวบาง
  3. ใช้ครีมทาฝ้าบ่อย ๆ ในคนที่มีปัญหาฝ้ามักจะซื้อพวกครีมทาฝ้ามาใช้ซึ่งครีมทาฝ้าส่วนใหญ่จะเป็นสเตียรอยด์กับไฮโดรคริโนซึ่งเป็นสารที่กระตุ้นให้ ผิวบาง ก็จะเกิดปัญหาผิวแพ้ง่าย บางจนเห็นเส้นเลือด หรืออาจเป็นฝ้าสเตียรอยด์ตามมาได้ด้วย
  4. การกรอผิวหน้าบ่อย ๆ เช่น ใช้เครื่องมือกรอผิว หรือว่าใช้อัญมณีกรอผิวหน้าออกอย่างการรักษาหลุมสิวบางประเภทที่ใช้การกรอผิวด้านบนออกเพื่อให้ผิวมีความเรียบเนียนสม่ำเสมอเท่ากันก็ทำให้เกิด ผิวบาง ลงได้เช่นกัน
  5. การลอกผิวที่ทำให้หน้าใส หรือสารที่ช่วยในการลอกผิวหน้าออก พอลอกหน้าบ่อย ๆ ก็จะทำให้ ผิวบาง ได้
  6. ผิวจะหย่อนคล้อยได้ง่าย ไม่กระชับ

การรักษาฝ้ากับปัญหา ผิวบาง

ปัจจุบันต้องยอมรับว่าวิธีการ รักษาฝ้า ส่วนใหญ่ล้วนทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะ ผิวบาง ได้ เช่น การทำเลเซอร์ การทำ peeling ลอกหน้า การกรอผิว การใช้ครีมไวท์เทนนิ่งต่าง ๆ ที่แต้มไปบนตัว ฝ้าบนใบหน้า โดยตรง พอใช้เป็นระยะเวลานานติดต่อกันหลายเดือนก็อาจจะทำให้เกิดอาการ ผิวบาง ได้

แล้วจะรักษาฝ้าอย่างไรไม่เสี่ยงทำให้ ผิวบาง ลง

รักษาฝ้าอย่างไรไม่ให้ผิวบางลง

สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่อง ฝ้า กระ จุดด่างดำ และไม่อยากเสี่ยงต่อภาวะผิวบอบบางแพ้ง่ายเมื่อรักษาฝ้า หรือผู้ที่มีปัญหา ผิวบาง เป็นทุนเดิมอยู่แล้วและต้องการรักษาฝ้า เทคนิค SMAPS เป็นหนึ่งในเทคนิคที่ทาง Chuladoctor Anti-Aging Center คิดค้นขึ้นมาเพื่อการรักษาฝ้าที่มีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้ ผิวบาง และยังช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ การสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวหน้าแข็งแรงมากขึ้นจากภายในสู่ภายนอก ไม่เพียงเท่านั้นแต่ยังทำให้ ฝ้าบนใบหน้า แลดูจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ และเห็นผลอย่างยั่งยืนในระยะยาว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือทำให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา

สรุป

แม้ว่า ผิวบาง จะไม่ใช่ปัญหาผิวที่สามารถมองเห็นหรือสังเกตได้อย่างชัดเจนเหมือนกับปัญหาผิวอื่น ๆ แต่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ไม่ควรละเลยเพราะอาจนำมาซึ่งอันตรายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับผิวของคุณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องการรักษาฝ้า ดังนั้นการให้แพทย์ชำนาญการเป็นผู้วินิจฉัย อย่างทีมแพทย์ของ Chuladoctor ซึ่งเป็น คลินิกรักษาฝ้า รัชดา เดินทางสะดวกสบาย เหมาะกับการรักษาอย่างต่อเนื่องและการดูแลอย่างใกล้ชิด ก็จะช่วยให้รู้เท่าทันสภาพผิวของคุณและได้รับการรักษาฝ้าอย่างเหมาะสมกับปัญหาผิว เพื่อมอบผลลัพธ์การรักษาที่น่าพึงพอใจ ผิวแข็งแรงและไม่ทำให้ฝ้าเป็นซ้ำอีกนั่นเอง

บทความนี้เขียนโดย แพทย์หญิงธนิดา วรวิวัชร์ (หมอใบเฟิน) แพทย์ศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ก่อตั้ง Chuladoctor Clinic เแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย, การปรับรูปหน้าและเทคนิค SMAPS ขั้นสูง

สนใจปรึกษาฟรี
model

รับคำปรึกษาและรับ

สิทธิพิเศษ