โทร: 096-187-5888เพื่อรับสิทธิ รักษาฝ้าฟรี 1 ครั้ง

หลุมสิว รักษาเองได้ไหม มีวิธีดูแลปัญหาหลุมสิวอย่างไรบ้าง

Share

สารบัญ

หลุมสิว รักษาเอง ได้ไหม มีวิธีดูแลปัญหาหลุมสิวด้วยตัวเองยังไงบ้าง

ในบรรดาปัญหาผิวต่าง ๆ หลุมสิว (atrophic scars) น่าจะเป็นหนึ่งในปัญหาชวนหนักใจที่สุดของหนุ่ม ๆ สาว ๆ เนื่องจากหลุมสิวนั้นรักษาหายยากกว่าสิวหลายเท่า ไม่สามารถลบเลือนได้เองเมื่อเวลาผ่านไป แถมไม่สามารถกลบด้วยเมคอัพได้เหมือนรอยดำรอยแดงทั่วไป การหาวิธีรักษาหลุมสิวที่ได้ผลจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่จะกอบกู้ความมั่นใจให้เรา แต่ถึงอย่างนั้น บางคนก็อาจไม่สะดวกไปรับการรักษาที่คลินิกบ่อยครั้ง หรืออยากเสริมการรักษาที่ทำอยู่ให้ได้ผลปัง ๆ ขึ้นไปอีก จึงอยากลองหาวิธีรักษาด้วยตัวเอง อย่างเช่นการใช้สกินแคร์หรือยารักษาหลุมสิวที่สามารถใช้เองได้ที่บ้าน ในบทความนี้เราจะมาไขข้อข้องใจว่า หลุมสิวรักษาเอง ได้หรือไม่ และคนที่มีหลุมสิวควรดูแลผิวตัวเองยังไงให้ผิวกลับมาเรียบเนียนไวขึ้น

หลุมสิว รักษาเอง ได้หรือไม่?

หลุมสิวเกิดจากกระบวนการซ่อมแซมตัวเองหลังการเกิดสิวของผิวที่ไม่สมบูรณ์ เนื่องมาจากการรักษาสิวผิดวิธี และการอักเสบที่รุนแรง ทำให้มีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ไม่เพียงพอ ผิวบริเวณนั้นจึงยุบตัวลงไป บวกกับการเกิดพังผืดระหว่างกระบวนการสมานแผล ซึ่งทำให้ผิวหดรั้งตัวและกลายเป็นหลุมที่ไม่เรียบเนียน

หลุมสิวรักษาเองได้หรือไม่

ดังนั้น การรักษาหลุมสิวจึงต้องเน้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ร่วมกับการตัดพังผืดที่ดึงรั้งใต้ชั้นผิวออกเพื่อให้หลุมสิวดูตื้นและดูเต็มขึ้น ด้วยเหตุนี้ การรักษาหลุมสิวด้วยตัวเองจึงจะได้ผลแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ไม่สามารถทำให้หลุมสิวหายไป 100% ได้ โดยเฉพาะหลุมสิวที่ลึกและมีพังผืดเกาะ จะต้องอาศัยวิธีทางการแพทย์เข้ามาช่วยในการรักษาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การดูแลผิวด้วยตัวเองอย่างถูกวิธีก็ช่วยให้หลุมสิวที่ตื้น ๆ ดีขึ้นได้บ้าง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น และช่วยป้องกันการเกิดหลุมสิวใหม่ ๆ ได้เช่นกัน

วิธีรักษาหลุมสิว ด้วยตัวเอง ทำอย่างไรบ้าง

วิธี รักษาหลุมสิว ด้วยตัวเองทาอย่างไรบ้าง
  • ใช้ ยารักษาหลุมสิว ซึ่งได้แก่ ยากลุ่มอนุพันธ์วิตามิน เอ หรือเรตินอยด์ (retinoids) ที่มีฤทธิ์กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เมื่อใช้เป็นประจำจะช่วยให้หลุมสิวที่ตื้น ๆ ดูตื้นขึ้นได้เล็กน้อย รวมถึงยังช่วยควบคุมความมัน ลดการอักเสบ และป้องกันการเกิดสิวและหลุมสิวใหม่ได้ โดยการใช้ยากลุ่มนี้ควรอยู่ภายใต้ความควบคุมของแพทย์ เพราะสารออกฤทธิ์แรง ๆ อาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองได้ รวมถึงมีข้อห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์
  • รักษาหลุมสิวด้วยการผลัดเซลล์ผิว จากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA และ BHA เช่น กรดแลคติก กรดไกลโคลิก และกรดซาลิไซลิค ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวชั้นบนออก เมื่อเศษเซลล์ที่ทับถมกันอยู่หลุดลอกออกไป ก็จะทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นได้เล็กน้อย นอกจากนี้การผลัดเซลล์ผิวยังช่วยลดรอยดำ รอยแดงจากสิว ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ รูขุมขนกระชับ ช่วยลดความมันส่วนเกินและลดการอุดตันบนใบหน้า และป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้ โดยเราสามารถหาผลิตภัณฑ์สำหรับผลัดเซลล์ผิวได้ในหลากหลายรูปแบบ เช่น โฟมล้างหน้า โทนเนอร์แบบน้ำ /แบบแผ่น และมาส์กหน้าแบบล้างออก อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ในชั้นตื้น ๆ เท่านั้น หากต้องการใช้กรดเพื่อรักษาหลุมสิวที่ค่อนข้างลึก จะต้องทำโดยแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
  • ทาสกินแคร์ที่ช่วยเรื่องหลุมสิว โดยเน้นสกินแคร์ที่มีสารออกฤทธิ์ เช่น เรตินอล และ วิตามิน ซี ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดรอยดำ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ หรือมี AHA, BHA ที่ช่วยเรื่องผลัดเซลล์ผิว ไปจนถึงสกินแคร์ที่ช่วยลดการอักเสบและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม สกินแคร์จะช่วยเรื่องผิวโดยรวมมากกว่าช่วยเรื่องหลุมสิวโดยตรง เราจึงไม่สามารถคาดหวังผลที่ชัดเจนและรวดเร็วจากการทาสกินแคร์เพียงอย่างเดียวได้

การดูแลผิวเพื่อป้องกันการเกิดหลุมสิวเพิ่มเติม

การดูแลผิวเพื่อป้องกันการเกิดหลุมสิวเพิ่มเติม
  • ไม่บีบหรือกดสิวด้วยตัวเองเด็ดขาด ถ้ามีสิวอักเสบรุนแรงควรไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง
  • รักษาความสะอาดและควบคุมสมดุลความมันบนใบหน้า เพื่อป้องกันการเกิดสิว
  • ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยเรื่องผิวแข็งแรง (เช่น Ceramide) ช่วยลดการอุดตัน (เช่น AHA, BHA, Retinol) และช่วยลดการอักเสบ (เช่น Tea tree oil, Centella Asiatica) เพื่อป้องกันการเกิดสิวอุดตันและอักเสบ แต่ทั้งนี้ การใช้สกินแคร์ระหว่างสิวอักเสบเห่อรุนแรงจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากส่วนผสมบางตัวอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้เช่นกัน
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพราะรังสี UV จะทำให้สภาพผิวที่เป็นหลุมสิวแย่ลงได้

วิธีรักษาหลุมสิว ให้ได้ผล ต้องทำอย่างไร

วิธีรักษาหลุมสิวให้ได้ผลต้องทำอย่างไร

อย่างที่ได้ทราบกันไปแล้วว่า หลุมสิวรักษาเองได้แค่ระดับเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้น หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว นอกเหนือจากการดูแลตัวเองแล้วก็ยังต้องพึ่งพาการรักษาทางการแพทย์ร่วมด้วย ยกตัวอย่างเช่น การเลเซอร์หลุมสิว ร่วมกับการตัดพังผืดสำหรับรักษาหลุมสิวแบบ rolling scar รวมไปถึงการใช้เทคนิค SMAPS สำหรับคนที่มีหลุมสิวหลายแบบที่เป็นบริเวณกว้าง

วิธีเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน และช่วยลดการหดรั้งของผิวหนังได้ ทั้งนี้ วิธีรักษาหลุมสิวแต่ละแบบก็เหมาะกับชนิดของหลุมสิวที่แตกต่างกันไป จึงควรให้แพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ประเมินสภาพหลุมสิวและเลือกวิธีการรักษาอย่างเหมาะสม ซึ่งการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องตามแนวทางที่เราแนะนำร่วมกับการรักษาทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยให้หลุมสิวที่มีอยู่หายเร็วขึ้น ช่วยยับยั้งการเกิดหลุมสิวใหม่ และทำให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียนใสใกล้เคียง 100% ได้

บทความนี้เขียนโดย แพทย์หญิงธนิดา วรวิวัชร์ (หมอใบเฟิน) แพทย์ศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ก่อตั้ง Chuladoctor Clinic เแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย, การปรับรูปหน้าและเทคนิค SMAPS ขั้นสูง

สนใจปรึกษาฟรี
model

รับคำปรึกษาและรับ

สิทธิพิเศษ