จริงหรือไม่? สิ่งที่คุณอาจเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่อง “ลดความอ้วน” ถ้าไม่อยากเหนื่อยฟรีต้องรู้!
หลาย ๆ คนเมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าอ้วนขึ้น น้ำหนักเพิ่มกว่าเดิม ใส่เสื้อผ้าแล้วรู้สึกอึดอัดไปหมด ไม่สบายตัวเหมือนก่อน ก็คงจะรีบวางแผนไดเอท เริ่มลดความอ้วน ให้รูปร่างกลับมาเหมือนเดิม หรือผอมลงกว่าเดิม ซึ่งแน่นอนว่าบนโลกใบนี้มีวิธี ลดความอ้วน มากมายให้คุณเลือก แต่รู้หรือไม่ว่ามีอยู่หลายเรื่อง หลายความเชื่อเกี่ยวกับการทำให้น้ำหนักตัวลดลงที่คุณอาจจะเคยได้ยินมาหรือกำลังทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่จริงหรือไม่เหมาะสม และอาจทำให้คุณ ลดความอ้วน ไม่สำเร็จ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกัน
อยาก ลดความอ้วน ให้สำเร็จไม่เสียเวลา ต้องมาดูก่อนว่าความเชื่ออันไหนที่ไม่เป็นความจริง
อย่างที่กล่าวไปว่าเรื่องของ การลดความอ้วน นั้นมีมานานมาก ๆ และหลายคนที่อยากจะมีรูปร่างที่น่าพึงพอใจก็มักจะค้นหาวิธีต่าง ๆ ที่จะมาช่วยในการลดน้ำหนักตัวลง หรือลดสัดส่วนลง บางคนก็ใช้วิธีที่บอกต่อกันมาจากคนที่มีประสบการณ์ บางคนก็ไปค้นคว้าหาวิธีตามอินเทอร์เน็ต หรือทำตามรีวิวของคนมีชื่อเสียงที่ตัวเองชื่นชอบ มองเป็นต้นแบบของ การลดความอ้วน ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่จะเกิดความเชื่อเกี่ยวกับ การลดความอ้วน และความเข้าใจต่าง ๆ มากมายที่มีทั้งถูกต้องและไม่จริงผสมปะปนกันไป ซึ่งหากคุณเป็นอีกคนที่กำลังวางแผนเริ่มต้นดูแลรูปร่างและต้องการเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แนะนำว่าไม่ควรติดกระดุมผิดตั้งเม็ดแรก ถ้าอย่างนั้นไปดูกันว่าความเชื่อเรื่อง ลดความอ้วน แบบไหนบ้างที่คุณอาจจะยังเข้าใจมาแบบผิด ๆ อยู่
• ความเชื่อที่ว่า “ ลดความอ้วน ต้องอดอาหาร” หรือ “ยิ่งกินน้อย ยิ่งเห็นผลไว” จริงหรือไม่?
ความเชื่อนี้ “ไม่จริง” หากต้องการ ลดความอ้วน เราต้องให้ร่างกายมีการใช้พลังงานขาออก หรือมีการเผาผลาญพลังงานออกไปให้มากกว่าพลังงานที่ได้รับเข้ามาจากอาหารที่รับประทานเข้าไป ดังนั้นการลดน้ำหนักหรือ ลดความอ้วน จึงต้อง “ควบคุม” ปริมาณแคลอรี่ ซึ่งไม่ใช่ “อดอาหาร” โดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงต้องการพลังงานประมาณ 2,000 กิโลแคลอรี่ และผู้ชายต้องการพลังงานประมาณ 2,500 กิโลแคลอรี่ เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันและรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่
หากต้องการ ลดความอ้วน แนะนำให้ลองค่อย ๆ ปรับลดแคลอรีในอาหารที่รับประทานลงวันละ 500 กิโลแคลอรี หรือเพิ่มกิจวัตรในระหว่างวัน พยายามขยับตัวเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้น และเลือกหากิจกรรมที่เพิ่มการเผาผลาญมากขึ้น 500 กิโลแคลอรี เช่น การออกกำลังกายวิธีต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายก็จะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยลดน้ำหนักหรือ ลดความอ้วน ได้ โดยไม่เสี่ยงต่อโยโย่เอฟเฟคอีกด้วย
• ความเชื่อที่ว่า “ ลดความอ้วน ต้องกินเฉพาะเวลาหิวเท่านั้น ถ้าไม่หิวไม่ต้องกิน” จริงหรือไม่?
ความเชื่อนี้ “ไม่จริง” ไม่ต่างอะไรกับการอดอาหาร เพราะหากคุณปล่อยให้ร่างกายไม่ได้รับอาหารเข้าไปเป็นเวลานานจนรู้สึกหิวจัดและไปกระตุ้นฮอร์โมนความเครียดที่มีชื่อเรียกว่า “Cortisol” ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดความอยากอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารกลุ่มที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ซึ่งการกินอาหารกลุ่มนี้มาก ๆ ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการได้รับพลังงานเกินกว่าความต้องการ และเกิดโรคอ้วนได้ ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารให้ครบหมู่ ครบ 3 มื้อ และรับประทานให้ตรงเวลา เพื่อไม่ให้ร่างกายรู้สึกว่าขาดหรือเสียสมดุลพลังงานจนต้องพยายามปรับลดระบบเผาผลาญลง
• ความเชื่อที่ว่า “ ลดความอ้วน ต้องงดคาร์โบไฮเดรต ให้ทานแต่ผักผลไม้เท่านั้น” จริงหรือไม่?
ความเชื่อนี้ “ไม่จริง” เนื่องจากปัจจุบันอาหารที่เรารับประทานมีส่วนประกอบของแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตในปริมาณมาก จึงได้เกิดคำแนะนำสำหรับการลดน้ำหนักว่าให้ลดหรืองดแป้ง ทั้งที่จริงแล้วอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารหลักที่ให้พลังงานและมีความจำเป็นต่อร่างกายของทุกเพศทุกวัย ไม่ควรงดหรือขาดไปเลย สิ่งสำคัญคือการ “เลือก” รับประทานแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตให้ถูกชนิดและอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม
สำหรับคนที่ต้องการ ลดความอ้วน คือ รับประทานแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตในมื้อเช้าและมื้อกลางวัน แล้วควรงดหรือจำกัดปริมาณคาร์โบไฮเดรตในมื้อเย็น สำหรับชนิดของคาร์โบไฮเดรตควรเลือกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ได้แก่ ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ข้าวที่ไม่ขัดสีต่าง ๆ ขนมปังโฮลวีท เพราะจะทำให้ระดับน้ำตาลในร่างกายเพิ่มขึ้นแบบช้า ๆ รู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดความอยากอาหารและลดความหิวลงได้ เน้นทานอาหารกลุ่มโปรตีนและผักใบเขียวทดแทนอาหารกลุ่มแป้ง
ส่วนเรื่องของการรับประทานแต่ผักและผลไม้ในช่วง ลดความอ้วน เพียงอย่างเดียว แม้ว่าเมื่อคำนวณแล้วจะได้รับพลังงานเพียงพอ แต่แน่นอนว่าจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต จึงไม่แนะนำให้รับประทานแต่ผักและผลไม้เพียงอย่างเดียวเพื่อหวังผลในการ ลดความอ้วน แต่แนะนำว่าควรเพิ่มผักผลไม้ในมื้ออาหาร หรือทานในมื้อว่างระหว่างมื้อหลัก เป็นการทดแทนอาหารประเภทของหวาน หรือของทานจุกจิกระหว่างมื้อก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดี
สิ่งที่เป็น “เรื่องจริง” และ “ควรทำ” ถ้าหากคุณอยาก ลดความอ้วน ให้สำเร็จหรือมองเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
แล้วเรื่องง่าย ๆ ที่คนอยากจะวางแผน ลดความอ้วน สามารถเริ่มต้นทำได้เลยในเบื้องต้น เพื่อจะลดน้ำหนักตัวหรือลดสัดส่วนลงจะมีอะไรบ้าง ได้แก่
- เพิ่มการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมันที่มีอยู่เดิม และกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานตามปกติ เนื่องจากหลายคนพยายามมองหาวิธีลดความอ้วนแบบไม่ออกกําลังกาย ซึ่งอาจจะได้ผลในช่วงแรก แต่มักจะมีเอฟเฟคไม่พึงประสงค์ตามมา เช่น ผิวหย่อนยาน และเสี่ยงกลับมาอ้วนได้ง่าย ดังนั้นควรออกกำลังกายทั้งแบบคาร์ดิโอและแบบเวทเทรนนิ่ง เพื่อให้ไขมันส่วนเกินถูกเผาผลาญออกไปและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อซึ่งจะเป็นเหมือนเตาเผาผลาญพลังงาน ก็จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ควบคุมเรื่องสารอาหาร โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันเลว และน้ำตาลสูง รวมถึงอาหารที่มีแคลอรีสูง เพราะอาหารเหล่านี้ล้วนเป็นตัวการที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ยาก เน้นไปที่อาหารที่มีประโยชน์ มีใยอาหารสูง และต้องให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเหมาะสมกับกิจกรรมของแต่ละบุคคล
- ลดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อลง จากเดิมที่กินเยอะก็กินให้น้อยลง แต่กินครบทุกมื้อ โดยเน้นผักผลไม้เป็นหลัก และเลือกเมนูที่มีแคลอรีต่ำและอุดมไปด้วยใยอาหารนั่นเอง
สรุป
เรียกว่ายังคงมีความเชื่อผิด ๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นมาเรื่อย ๆ เปลี่ยนไปตามกระแสหรือตามเทรนด์ใน การลดความอ้วน ดังนั้นสิ่งที่ควรทำเมื่อต้องการ เริ่มลดความอ้วน ก็คือ ก่อนเชื่อต้องมีสติ ต้องศึกษาให้ดี และรู้ลึกถึงข้อเท็จจริงของแต่ละวิธีการควบคุมน้ำหนักให้เข้าใจกระบนการ จึงจะค่อยตัดสินใจเชื่อและลงมือทำ นอกจากนี้ปัจจัยที่ส่งผลกับการใช้พลังงานในร่างกายของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน โดยขึ้นอยู่กับเพศ อายุ กิจวัตรประจำวัน ฯลฯ หากไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกวิธีควบคุมน้ำหนักแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับพื้นฐานของร่างกาย แนะนำว่าให้ลองปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการดูแลรูปร่างก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ทำให้คุณไปสู่เป้าหมายได้ถูกทิศถูกทางมากขึ้น และปัจจุบันนี้มีนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ คิดค้นมาเพื่อให้ การลดความอ้วน เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและน่าพึงพอใจ ได้รูปร่างที่ดีแบบปลอดภัย และยังมาพร้อมสุขภาพดี อย่าง โปรแกรม Sliming Lisa นวัตกรรมใหม่ของการลดน้ำหนักที่ปรับสมดุลระบบเผาผลาญลึกถึงระดับเซลล์ ก็นับเป็นอีกทางเลือกของผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่างอย่างเห็นผล และทำให้สุขภาพดีขึ้นในระยะยาว ช่วยปรับสมดุลร่างกาย ไม่มีสารอันตราย จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยและลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน
บทความนี้เขียนโดย แพทย์หญิงธนิดา วรวิวัชร์ (หมอใบเฟิน) แพทย์ศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ก่อตั้ง Chuladoctor Clinic เแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย, การปรับรูปหน้าและเทคนิค SMAPS ขั้นสูง