โทร: 096-187-5888เพื่อรับสิทธิ รักษาฝ้าฟรี 1 ครั้ง

เทคนิคแก้ฝ้าปลอดภัย สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย

Share

สารบัญ

เทคนิคแก้ฝ้าปลอดภัย สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย

ฝ้า (Melasma) นั้นเป็นปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะกับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะต้องยอมรับว่าเทคนิคใดๆ ในการรักษาฝ้ามักมาพร้อมกับอาการระคายเคืองผิวไม่มากก็น้อย แถมยังอาจกระตุ้นให้ผิวที่บางอยู่แล้วยิ่งไวต่อแสงและกลับมาเป็นฝ้าใหม่ซ้ำได้อีกด้วย ในบทความนี้เราเลยจะมาแนะนำเทคนิคแก้ฝ้าที่ค่อนข้างอ่อนโยนและปลอดภัยต่อผิวที่บอบบางแพ้ง่าย ซึ่งแต่ละวิธีมีอะไรบ้าง และจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน ตามไปดูกันเลย

เทคนิคแก้ฝ้าสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย มีอะไรบ้าง

วิธีการรักษาฝ้าที่ค่อนข้างเหมาะต่อผิว sensitive ซึ่งไวต่ออาการแพ้และระคายเคือง มีดังนี้

ใช้สกินแคร์ลดฝ้าที่ปลอดภัย

สำหรับคนที่กำลังเผชิญปัญหาฝ้า การใช้สกินแคร์สำหรับทาภายนอกที่มีฤทธิ์ลดเลือนฝ้านั้นถือเป็นวิธีรักษาที่ค่อนข้างปลอดภัยและเหมาะกับทุกสภาพผิว โดยสำหรับผิวที่บอบบางแพ้ง่าย การเลือกใช้สกินแคร์จะแบ่งออกเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ลดฝ้าโดยตรง กับผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเสริมความแข็งแรงของผิว ซึ่งควรใช้ทั้งสองกลุ่มควบคู่กันไปถึงจะเป็นผลดีต่อผิวในระยะยาว

  1. สกินแคร์ที่มีฤทธิ์ลดฝ้า ได้แก่ผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารซึ่งมีฤทธิ์กำจัดหรือยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว ที่จะให้ผลลัพธ์ในเรื่องฝ้าโดยตรง โดยสารออกฤทธิ์ที่ค่อนข้างอ่อนโยนและเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย มีดังนี้
    • Ascorbic acid: หรือวิตามิน ซี เป็นสารที่มีฤทธิ์ brightening ซึ่งจะช่วยปรับให้ผิวดูกระจ่างใส และลดเลือนฝ้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ รวมถึงยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV และมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม Ascorbic acid ที่มีความเข้มข้นสูงมากๆ ก็อาจทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง แสบ แดง ได้เช่นกัน การใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มวิตามิน ซี จึงควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำและปริมาณน้อยๆ ก่อน และตามด้วยการทาผลิตภัณฑ์กันแดดในตอนกลางวันสม่ำเสมอ
    • Niacinamide: เป็นวิตามิน บี3 ชนิดหนึ่ง ที่มีฤทธิ์ในการลดเม็ดสีผิว จึงช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสเรียบเนียน และทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำจางลงได้อย่างอ่อนโยน โดยคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายควรเริ่มจากการใช้ niacinamide ที่ความเข้มข้น 2-5% ก่อน แล้วอาจขยับเพิ่มขึ้นไปที่ไม่เกิน 10% ได้ เมื่อผิวมีความแข็งแรงมากขึ้นแล้ว
    • Azelaic acid: เป็นกรดที่ได้จากพืชกลุ่มข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ ซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบของผิว ยับยั้งการเกิดฝ้าใหม่ และกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่มีอยู่เดิมดูลดเลือนลงได้ โดย Azelaic acid สามารถใช้ร่วมกับวิตามิน ซี และ Niacinamide ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่ายมากๆ ก็อาจต้องระมัดระวังอาการระคายเคืองที่เกิดจากการใช้สารออกฤทธิ์หลายชนิดเช่นเดียวกัน
  1. สกินแคร์เสริมความชุ่มชื้นและเกราะป้องกันผิว ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะเน้นไปที่สรรพคุณการปลอบประโลมผิว เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดี และเสริมปราการปกป้องชั้นผิวให้แข็งแรงขึ้น ซึ่งจะมีผลดีต่อการรักษาฝ้าในระยะยาว และยังช่วยลดอาการแพ้ ระคายเคือง และปัญหาผิวต่างๆ ในอนาคตได้อีกด้วย โดยสารประกอบที่สำคัญที่เราควรมองหา ได้แก่ Hyaluronic acid, Ceramides สารสกัดจากใบชาเขียว สารสกัดจากใบบัวบก และว่านหางจระเข้ เป็นต้น

หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้ผิวระคายเคือง

การที่ผิวหน้าเกิดการบาดเจ็บเสียหายจากความระคายเคือง อาจกระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างเม็ดสีผิวออกมามากขึ้น ซึ่งทำให้ฝ้าบนใบหน้าดูเข้มขึ้นด้วย การแก้ฝ้าให้หายขาดจึงต้องเริ่มจากการขจัดปัจจัยที่ทำให้ผิวหนังระคายเคือง ยกตัวอย่างเช่น

  • การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรด AHAs หรือ BHAs ที่มีความเข้มข้นรุนแรง หรือสารที่เสี่ยงต่อการก่ออาการแพ้ เช่น แอลกอฮอล์และน้ำหอม
  • การขัดถูผิวหน้าอย่างรุนแรง เช่น การสครับหน้าบ่อยๆ 
  • การล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ด่างแรง หรือโฟมล้างหน้าที่ทำให้ผิวหน้าแห้งตึง

เลือกหัตถการที่ไม่ทำร้ายผิว

การรักษาด้วยหัตถการและเทคโนโลยีทางการแพทย์ถือเป็นวิธีกำจัดฝ้าที่ได้ผลดีและรวดเร็วกว่าวิธีอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การรักษาหลายๆ เทคนิค เช่น Microneedling, Microdermabrasion หรือเลเซอร์ฝ้าบางประเภท มักทำให้ผิวที่บอบบางอยู่แล้วเกิดการบาดเจ็บระคายเคืองไปด้วย

ดังนั้น หัตถการที่เหมาะกับผิวที่บอบบางแพ้ง่ายจึงควรเป็นเทคนิคที่ค่อนข้างอ่อนโยน และไม่ทำร้ายผิวหนังบริเวณข้างเคียงให้เกิดความเสียหาย ยกตัวอย่างเช่น

  • Fractional laser resurfacing: เป็นการปล่อยลำแสงเลเซอร์เข้าไปเฉพาะจุดที่เกิดฝ้า เพื่อทำลายเม็ดสีผิวด้านใน จึงไม่ทำให้เนื้อเยื่อรอบๆ เกิดการบาดเจ็บ อีกทั้งสามารถใช้ลดเลือนฝ้าเข้มหรือฝ้าที่อยู่ลึกได้
  • IPL: เป็นการใช้ลำแสงพลังงานต่ำเข้าไปทำลายเม็ดสีผิวเฉพาะจุด ซึ่งพลังงานที่ไม่รุนแรงนี้มีข้อดีคือก่อความระคายเคืองต่อผิวน้อย และไม่จำเป็นต้องพักหน้าหลังทำนานนัก อย่างไรก็ตาม เทคนิค IPL ก็อาจต้องทำซ้ำหลายครั้งถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
  • ฉีดผิวเพื่อแก้ฝ้า: เทคนิคการฉีดผิวเพื่อลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ มีตั้งแต่การฉีดสารที่มีฤทธิ์ลดเม็ดสีผิว เช่น อัลฟาอาร์บูตินและวิตามินนานาชนิด ไปจนถึงการฉีดสารที่ช่วยปรับสภาพผิวโดยรวมอย่างครอบคลุมรอบด้าน เช่น สารสกัดจากสเต็มเซลล์โกรทแฟคเตอร์เข้มข้น ซึ่งจะช่วยให้ฝ้าดูจางลงและผิวดูอิ่มฟูมีสุขภาพดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ อีกทั้งยังเป็นเทคนิคที่ไม่ระคายเคืองต่อผิว ไม่จำเป็นต้องพักหน้าหลังทำ และทำให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้นในระยะยาวด้วย

ปกป้องผิวจากแสงแดด

การป้องกันรังสี UV จากแสงแดดไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผิวเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่สุดในการรักษาฝ้าและป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ เนื่องจากรังสี UV เป็นปัจจสำคัญมากที่กระตุ้นให้ผิวมีการสร้างเม็ดสีผิดปกติ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดก็อาจต้องใส่ใจระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น โดยนอกจากครีมกันแดดที่ใช้จะต้องเป็นชนิด broad spectrum ที่สามารถป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB และมีค่าการปกป้องที่มากเพียงพอแล้ว ยังควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน เช่น ครีมกันแดดที่เป็นเวชสำอาง หรือกันแดดชนิด physical ที่ใช้สารกัดแดด zinc oxide หรือ titanium dioxide ซึ่งมักจะมีความอ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่ายมากกว่ากันแดดชนิด chemical 

ปรับเปลี่ยนไลฟสไตล์ให้ห่างไกลฝ้า

ปัจจัยต่างๆ ในชีวิตประจำวันอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาผิว อย่างฝ้า กระ จุดด่างดำได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น ความเครียด มลภาวะ หรือการกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ การปรับเปลี่ยนไลฟสไตล์บางอย่างจึงเป็นวิธีแก้ฝ้าที่ต้นตอ โดยที่ไม่ทำร้ายผิว แถมพร้อมกันนั้นก็ยังช่วยให้สุขภาพผิวโดยรวมดีขึ้นได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่นการปรับเปลี่ยนไลฟสไตล์ที่ควรทำ ได้แก่

  • ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 1.5 ลิตรต่อวัน เพื่อคงความชุ่มชื้นของผิวหนัง
  • รับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารอาหารบำรุงผิวและสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักและผลไม้ต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้ผิวสวยสุขภาพดีจากภายใน
  • หลีกเลี่ยงหรือลดการทานอาหารที่ทำร้ายผิว ซึ่งอาจทำให้ปัญหาผิวต่างๆ แย่ลงได้ ตัวอย่างเช่น อาหารฟาสฟู้ด อาหารรสหวาน มัน เค็ม ของทอด และอาหารที่มีน้ำตาลสูง
  • จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม และพักผ่อนให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสฝุ่น ควัน มลภาวะ และล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้ง เพราะสิ่งสกปรกที่สะสมบนผิวอาจกลายเป็นสาเหตุของฝ้าและจุดด่างดำในอนาคตได้

ปรึกษาแพทย์

ปัญหาฝ้าในแต่ละคนย่อมมีความหนักเบาหรือมากน้อยแตกต่างกันไป จึงอาจต้องใช้แนวทางการรักษาที่แตกต่างกันตามไปด้วย โดยเฉพาะคนที่มีสภาพผิวบอบบางแพ้ง่ายอยู่แล้ว ยิ่งต้องระมัดระวังในการเลือกวิธีรักษาหรือทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ดังนั้น การปรึกษาแพทย์ผิวหนังจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้แต่ละคนสามารถหาแนวทางการรักษาฝ้าที่เหมาะกับตัวเองโดยเฉพาะได้ ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้ ผิวระคายเคือง และผลข้างเคียงต่างๆ จากการรักษาได้ด้วย

ปัญหาฝ้าเป็นเรื่องที่รักษาไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะกับคนที่มีผิวบอบบาง เสี่ยงต่อการแพ้และระคายเคืองได้ง่าย การเลือกแนวทางรักษาจึงเน้นเทคนิคที่อ่อนโยนและปลอดภัยต่อผิว รวมถึงอาจต้องอาศัยคำแนะนำของแพทย์ผิวหนัง จึงจะสามารถแก้ฝ้าทั้งที่ต้นเหตุและปลายเหตุได้โดยไม่ทำร้ายผิวนั่นเอง

สนใจปรึกษาฟรี
model

รับคำปรึกษาและรับ

สิทธิพิเศษ

กรุณากรอกเบอร์โทรเฉพาะตัวเลข 10 หลักเท่านั้น
close