ฝ้าตื้น ดูแลได้ ถ้าเข้าใจสาเหตุ
ฝ้าตื้น เป็นหนึ่งในปัญหาผิว ฝ้ากระจุดด่างดํา ที่พบได้บ่อยในทุก ๆ ช่วงวัย โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีความไวต่อแสงแดดหรือเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน รวมถึงผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศเขตร้อนที่จะต้องพบเจอกับรังสียูวีอยู่เป็นประจำ แม้ว่าจะไม่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายโดยตรง แต่เป็นที่รู้กันดีว่าในทางกลับกัน ฝ้าบนใบหน้า จะชนิดไหนหรือแบบใดก็ตามย่อมส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองของหลาย ๆ คน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิง
แต่สิ่งที่จะมาช่วยคลายกังวลเรื่องปัญหา ฝ้าบนใบหน้า คือเทคนิคและวิธีการดูแลรักษาที่ทันสมัย โดยในปัจจุบันมีวิธีการรักษาหลากหลายรูปแบบที่ถูกพัฒนามาให้เหมาะสมกับแต่ละสภาพผิว แต่ละระดับความรุนแรงของปัญหา ฝ้าบนใบหน้า และหากคุณกำลังเผชิญกับปัญหา ฝ้าตื้น บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจสาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง รวมถึงวิธีการดูแลปกป้องผิวหน้า และแนวทางในการรักษาที่เหมาะสมกัน
ล้วงลึกถึงสาเหตุของการเกิด ฝ้าตื้น
ฝ้าตื้น หรือ ฝ้าที่เกิดขึ้นบนผิวหนังในชั้นผิวที่ตื้น เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่เกิดจากการสะสมของเม็ดสีเมลานินในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของผิวหนัง มีลักษณะเป็นจุด เป็นปื้น หรือเป็นแผ่นสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้มที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน แม้จะไม่รุนแรงเท่าฝ้าลึก แต่ก็สามารถสร้างความไม่มั่นใจได้ เราจึงอยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจสาเหตุของการเกิดฝ้าชนิดนี้อย่างลึกซึ้ง เพื่อช่วยให้คุณสามารถปกป้องผิวหน้าและจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพกัน
ในส่วนของสาเหตุหลัก ๆ หรือปัจจัยที่ทำให้เกิด ฝ้าตื้น มีทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก กล่าวคือ ด้านร่างกายและด้านจิตใจ โดยเบื้องต้นสามารถพิจารณาสาเหตุใหญ่ ๆ ได้ดังต่อไปนี้
• รังสียูวีในแสงแดด
หนึ่งในสาเหตุหลัก ๆ เนื่องจากเมื่อเราปล่อยให้ผิวหน้าโดนแสงแดดเป็นระยะเวลานาน รังสี UVA และ UVB ที่มีอยู่ในแสงแดดก็จะไปกระตุ้นให้เซลล์ผิวผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ยิ่งคนที่ไม่ค่อยหมั่นทาครีมกันแดดหรือใช้อุปกรณ์กันแดดที่เหมาะสมก็จะยิ่งทำให้เกิดฝ้าได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งการสัมผัสแสงสีฟ้าจากแสงหน้าจอโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ รวมถึงหลอดไฟก็สามารถกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน โดยเฉพาะในบริเวณที่สัมผัสกับแสงต่าง ๆ บ่อย ๆ เช่น โหนกแก้ม หน้าผาก และจมูก
• ระดับของฮอร์โมนในร่างกาย
เนื่องจากฮอร์โมนที่ไม่สมดุลจะเพิ่มโอกาสที่จะไปกระตุ้นการผลิตของเม็ดสีเมลานินในชั้นผิวหนัง โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศหญิงอย่างเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) โดยเฉพาะในระหว่างมีประจำเดือนหรือภาวะตั้งครรภ์ซึ่งมักจะส่งผลให้ฮอร์โมนอยู่ในระดับไม่สมดุลค่อนข้างสูง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เพศหญิงมีแนวโน้มเป็นฝ้าง่ายกว่าเพศชาย
• อายุหรือวัยที่เพิ่มมากขึ้น เซลล์ผิวยิ่งเสื่อมสภาพลง
สำหรับคนที่มีอายุราว ๆ 30-40 ปีขึ้นไป มีโอกาสเกิด ฝ้าตื้น เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเซลล์ผิวเริ่มเสื่อมสภาพลงและมีโอกาสที่ผิวบริเวณใบหน้าจะระคายเคืองได้ง่ายเมื่อถูกกระตุ้นจากแสงแดดหรือมลภาวะต่าง ๆ นอกจากนี้ผิวในช่วงอายุนี้ ความสามารถในการผลัดเซลล์ผิวเริ่มลดน้อยลง ทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วอาจจะถูกจำกัดออกได้ช้าลง ส่งผลให้ผิวหน้ามี ฝ้ากระจุดด่างดํา ริ้วรอย ความหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ เป็นต้น
• กรรมพันธุ์ ปัจจัยที่เลี่ยงยาก
กรรมพันธุ์เป็นปัจจัยเกิดฝ้าที่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ยากกว่าปัจจัยอื่น ๆ กล่าวคือ ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นฝ้ามาก่อน ก็อาจมีแนวโน้มเป็นฝ้าได้สูง โดยผู้ที่มีผิวสีเข้มจะมีโอกาสเป็นฝ้าได้ง่ายกว่าผิวโทนสีอื่น ๆ
• ความเครียด
• การใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสม
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีต่าง ๆ เช่น แอลกอฮอล์ พาราเบน สารสเตียรอยด์ หรือสารฟอกขาว ก็อาจส่งผลทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองและกระตุ้นให้เกิด ฝ้าตื้น ได้เช่นกัน
วิธีแยก ฝ้าตื้น ออกจากฝ้าชนิดอื่น
สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะแยกออกได้อย่างไรว่า ฝ้าบนใบหน้า ที่เป็นอยู่นั้นจะใช่ ฝ้าตื้น อย่างที่คิดไหม อาจสังเกตได้ด้วยวิธีเบื้องต้นดังต่อไปนี้
- ความลึกของสี: มักมีสีอ่อนกว่าและขอบชัดเจน ส่วนฝ้าลึกมีสีเข้มและขอบเบลอ
- การตอบสนองต่อการรักษา: ตอบสนองได้ดีต่อครีมสูตรเฉพาะสำหรับการดูแลปัญหาฝ้า ส่วนฝ้าลึกอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเริ่มสังเกตเห็นผล
- การตรวจโดยแพทย์: แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังสามารถใช้เครื่องตรวจผิว (Wood’s Lamp) เพื่อวินิจฉัยว่าฝ้าอยู่ในชั้นใดหรือระดับไหน
เคล็ดลับดูแลผิวให้ห่างไกลจาก ฝ้าตื้น
ฝ้าตื้น เป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น แสงแดด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม อย่างที่กล่าวไปแล้วในข้างต้น และแม้ว่าเราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงสาเหตุหรือปัจจัยทั้งหมดได้ แต่เราก็สามารถดูแลผิวใบหน้าเพื่อลดความเสี่ยงลงได้ด้วยการทำตามเคล็ดลับดังต่อไปนี้
1. ใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
การทาครีมกันแดดเป็นวิธีที่สำคัญที่สุดในการปกป้องผิวจากการสัมผัสแสงแดดที่มีรังสี UV จากแสงแดดกระตุ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินในผิวหนัง ซึ่งเป็นสาเหตุหลัก ๆ ของการเกิดฝ้า
- เลือกครีมกันแดดที่มี SPF 30 ขึ้นไป
- ทากันแดดทุกวัน แม้ในวันที่ไม่มีแดด
- ทาครีมกันแดดซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หากต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
เคล็ดลับเพิ่มเติม: ใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารป้องกัน UVA และ UVB เพื่อปกป้องผิวจากรังสีทั้งสองประเภท
2. หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง โดยเฉพาะในช่วงที่แดดแรง
ช่วงเวลาที่แสงแดดแรงที่สุดคือระหว่าง 10.00 – 15.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เราควรหลีกเลี่ยงการออกแดดหรือหาที่หลบแดด
- สวมหมวกปีกกว้าง หรือ เสื้อแขนยาว เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด
- ใช้ร่มหรือแว่นกันแดด เพื่อป้องกันการกระทบของรังสี UV ต่อผิวหน้า
3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน
การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวเป็นสิ่งสำคัญ หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรงอาจทำให้ผิวระคายเคืองและกระตุ้นการผลิตเม็ดสี
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากแอลกอฮอล์ พาราเบน และสารสเตียรอยด์
- ใช้เซรั่มหรือครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินซี หรือ กรดอะซีลาอิก ที่ช่วยลดการเกิดฝ้าและช่วยปรับผิวให้แลดูกระจ่างใส
- ทาเซรั่มหรือครีมที่มีสารช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA เพื่อช่วยในการผลัดเซลล์ผิวบริเวณที่มีปัญหา ฝ้ากระจุดด่างดํา
4. เสริมสร้างการป้องกันด้วยการปรับไลฟ์สไตล์
การดูแลผิวไม่ได้เป็นแค่เรื่องของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับวิถีชีวิตให้เหมาะสมด้วย
- นอนหลับให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวมีเวลาในการพักผ่อน ฟื้นฟูและซ่อมแซมตัวเอง
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและแข็งแรง
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน C และ E ซึ่งช่วยต่อต้านการเกิดจุดด่างดำต่าง ๆ
สรุป
โดยภาพรวมแล้วการดูแลผิวให้ห่างไกลจาก ฝ้าตื้น ต้องอาศัยความสม่ำเสมอในการปกป้องและดูแลผิวจากปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ และสำหรับผู้ที่มีปัญหา ฝ้าบนใบหน้า มานาน ดูแลด้วยหลากหลายวิธีแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นผลที่น่าพอใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาเพื่อค้นหาแนวทางในการรักษาฝ้าที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ อย่างเทคโนโลยีในการรักษาฝ้า SMAPS เทคนิคการรักษาฝ้า ของ Chuladoctor Clinic ที่ดูแลโดยแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง พัฒนาและคิดค้นมาเพื่อเป็นทางออกของผู้ที่มีปัญหา ฝ้ากระจุดด่างดำ เพื่อผลผลัพธ์ที่น่าพึงพอใจโดยไม่เสี่ยงทำให้ผิวบางลง และยังช่วยให้ผิวแข็งแรงอย่างยั่งยืน
บทความนี้เขียนโดย แพทย์หญิงธนิดา วรวิวัชร์ (หมอใบเฟิน) แพทย์ศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ก่อตั้ง Chuladoctor Clinic แพทย์ผู้มีความถนัดและประสบการณ์ด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม การเปลี่ยนรูปร่างถึงระดับเซลล์และการแก้ปัญหาผิวพรรณจากภายใน