ทริค ลดความอ้วน ให้สำเร็จไม่เสี่ยงต่อการโยโย่
การ เริ่มลดความอ้วน เป็นสิ่งที่ท้าทายทั้งพลังกายและพลังใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากต้องการลดให้สำเร็จ ควรเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพราะการมีวินัยในการกินต้องฝึกจนเป็นนิสัย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและสามารถรักษาน้ำหนักให้คงที่อยู่ในเกณฑ์ได้ในระยะยาว จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนที่ชัดเจน เหมาะสมกับสภาพร่างกาย และไม่หักโหมจนเกินไป ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสสำเร็จ และช่วยให้ การลดความอ้วน เป็นไปได้อย่างราบรื่นและยั่งยืนมากยิ่งขึ้นนั่นเอง และที่สำคัญเลย การลดความอ้วน อย่างถูกวิธีตั้งแต่เริ่มจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิด Yoyo Effect สิ่งที่คนกำลัง ลดความอ้วน ไม่ยากเจอมากที่สุด และบทความนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับภาวะ Yoyo Effect
รู้จัก “Yoyo Effect” สิ่งที่คนอยากจะ ลดความอ้วน อาจจะต้องพบเจอหากเลือกวิธีที่ไม่ถูกต้อง
ผู้คนส่วนมากที่ต้องการดูแลรูปร่างและกำลังจะ เริ่มลดความอ้วน ก็มักจะมีความคาดหวังสูงไปต่าง ๆ นานา เช่น อยากเห็นผลลัพธ์ในเวลาอันรวดเร็ว อยากให้สัดส่วนลดลงไว ๆ อยากรู้สึกว่าตัวเองผอมลงอย่างชัดเจน ฯลฯ จึงทำให้เริ่มต้น ลดความอ้วน ด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดปริมาณอาหารที่รับประทานจากเดิมลง กินน้อยลงแบบฉับพลัน จํากัดจำนวนแคลอรี่ที่ได้รับ หรือแม้กระทั่งเริ่มอดอาหารในบางมื้อ ขาดการออกกำลังกาย ไปจนถึงการใช้ยาลดความอ้วนที่อาจมีสารอันตรายต่อร่างกาย ซึ่งวิธีเหล่านี้ยิ่งทำให้ร่างกายรู้สึกหิว แถมยังไปกระตุ้นความอยากอาหาร และที่ร้ายที่สุดคือทำให้ระบบเผาผลาญลดลงจนกู้กลับมายาก จนเกิดอาการที่เรียกว่า “โยโย่เอฟเฟกต์” (Yoyo Effect) ฝันร้ายของคนที่อยากจะ ลดความอ้วน
“โยโย่เอฟเฟกต์” (Yoyo Effect) คือ ภาวะที่น้ำหนักตัวขึ้น ๆ ลง ๆ เหวี่ยงไปเหวี่ยงมา และมักจบลงด้วยน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นจนมากกว่าช่วงก่อนเริ่มลดน้ำหนัก หรือในบางรายอาจมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องแม้จะควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม เพราะร่างกายอยู่ในภาวะที่มีไขมันเกินร่วมกับมวลกล้ามเนื้อลดลงจากการลดแบบผิดวิธี ทำให้ส่งผลเสียต่อระบบการเผาผลาญ ซึ่งคนที่เจอกับภาวะ “โยโย่เอฟเฟกต์” ส่วนใหญ่จะรู้สึกท้อแท้และสุดท้ายก็ ลดความอ้วน ไม่สำเร็จนั่นเอง
แล้วเราควรจะต้อง ลดความอ้วน ด้วยวิธีใดถึงจะได้ผล ปลอดภัย และไม่เสี่ยงต่อ Yoyo Effect
แนวทางง่าย ๆ ในการหลีกเลี่ยงภาวะโยโย่เอฟเฟกต์เมื่อต้อง ลดความอ้วน คือเน้นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควบคุมแคลอรี่ และออกกำลังกายร่วมด้วยอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งนับเป็นทางเลือกที่ยั่งยืน โดยหลักสำคัญของการ ลดความอ้วน ที่ไม่ทำให้คุณต้องเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ “โยโย่เอฟเฟกต์” โดยจะมีคำแนะนำดังต่อไปนี้
- ปรับเปลี่ยน Mind Set ใหม่ว่า การลดความอ้วน ไม่ได้วัดที่น้ำหนักตัวที่ลดลง แต่วัดกันที่ “มวลไขมัน” ลดลง พร้อม ๆ กันกับการรักษามวลกล้ามเนื้อให้คงที่หรือเพิ่มมวลกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญ
- ลองเริ่มต้นตั้งเป้าหมายที่ใช้ในการ เริ่มลดความอ้วน ที่มีความชัดเจน วัดผลได้ง่าย และสามารถทำได้จริง ไม่เข้มงวดมากจนเกินไป เป็นเป้าหมายที่จำเพาะเจาะจง เช่น ดื่มน้ำอัดลมหรือน้ำหวานต่าง ๆ ได้ไม่เกินอาทิตย์ละ 2 แก้ว, ตั้งเป้าเดินเร็ว 30 นาทีต่อวัน ทำอย่างน้อย 3 วัน ต่อสัปดาห์ให้ได้ต่อเนื่อง 2 เดือน เป็นต้น
- กินครบ 3 มื้อ ไม่อดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง แต่เปลี่ยนเป็นการควบคุมปริมาณอาหารในแต่ละวันแทน ไม่ให้แคลอรี่โดยรวมมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ
- เปลี่ยนเป็นอาหารที่ให้พลังงานต่ำ กากใยสูง หลีกเลี่ยงอาหารทอด ผัด และอาหารที่มีไขมันสูง
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยในช่วง 6 เดือนแรกของการ ควรออกกำลังกายประมาณ 150 นาทีต่อสัปดาห์ หลังจากนั้นควรออกกำลังกายเพิ่มขึ้นเป็น 200 – 300 นาทีต่อสัปดาห์ในระดับกลางเป็นเวลามากกว่า 1 ปีเพื่อให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพและสามารถคงน้ำหนักนั้นเอาไว้ได้ในระยะยาว และอย่าลืมเพิ่มการออกกำลังกายประเภทสร้างกล้ามเนื้อ (Weight Training) ร่วมไปกับการออกกำลังกายแบบแอโรบิคด้วย เพราะการมีกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้นจะเป็นเสมือนเตาพลังงานที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญให้กับร่างกายอย่างยั่งยืน
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอ โดยต้องนอนหลับอย่างมีคุณภาพให้ได้อย่างน้อย 7 – 8 ชั่วโมง นับเป็นอีกกุญแจสำคัญที่หลายคนมองข้ามไป เพราะการนอนหลับอย่างไม่มีคุณภาพหรือไม่เพียงพอ นับเป็น 1 ในปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคอ้วน ระบบเผาผลาญอผิดปกติ และปัญหาทางสุขภาพอื่น ๆ ตามมา
- หมั่นจดบันทึกการรับประทานอาหาร จดบันทึกน้ำหนักตัว หรือหากมีเครื่องชั่งที่วัดมวลร่างกายได้ก็ยิ่งดี
สรุป
สรุปได้ว่าการ ลดความอ้วน ทีละนิด ๆ แบบไม่หักโหมหรือบีบบังคับร่างกายมากจนเกินไป แต่เน้นการทำอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง อาจจะใช้เวลามากกว่าเดิม แต่จะช่วยให้คุณจะได้รูปร่างอย่างที่ต้องการ และมาพร้อมสุขภาพที่แข็งแรงไปอีกนาน โดยไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องภาวะโยโย่เอฟฟเฟกต์ หรือต้องล้มเหลวใน การลดความอ้วน
ทั้งนี้สำหรับผู้ที่ ลดความอ้วน มานาน ลองมาหลายวิธีแล้วยังแต่ไม่สำเร็จ อาจลองปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายเฉพาะบุคคล เพื่อการลดแบบปลอดภัย ได้สุขภาพที่ดีในระยะยาว และประสบความสำเร็จ ในเรื่องของรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน และได้รับผลลัพธ์น่าพึงพอใจ อย่างเช่น โปรแกรม Sliming Lisa นวัตกรรมใหม่ของการลดน้ำหนักที่ปรับสมดุลระบบเผาผลาญลึกถึงระดับเซลล์ อีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแบบสุขภาพดีในระยะยาว ช่วยปรับสมดุลร่างกายในระดับเซลล์ เป็นการลดแบบค่อยเป็นค่อยไป เน้นการเพิ่มระบบเผาผลาญ ช่วยควบคุมน้ำหนัก และยังช่วยชะลอวัยให้แลดูอ่อนเยาว์ และมอบประสิทธิภาพในระยะยาวอีกด้วย
บทความนี้เขียนโดย แพทย์หญิงธนิดา วรวิวัชร์ (หมอใบเฟิน) แพทย์ศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ก่อตั้ง Chuladoctor Clinic เแพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย, การปรับรูปหน้าและเทคนิค SMAPS ขั้นสูง