7 วิธีลดฝ้า ในราคาประหยัด ใครที่มีงบจำกัดไม่ควรพลาด
ฝ้า (Melasma) คือแถบปื้นสีเข้มคล้ำบนใบหน้า ซึ่งเกิดจากการที่ผิวของเรามีการสร้างเม็ดสีผิวที่มากผิดปกติ ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าบนใบหน้านั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรังสี UV ในแสงแดด มลพิษ อายุที่มากขึ้น ความเครียด รวมไปถึงพันธุกรรม คนที่เริ่มมีอายุย่างเข้าวัย 40+ จึงมักมีปัญหาฝ้าตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถึงแม้ว่าฝ้าบนใบหน้าจะไม่ได้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็ส่งผลอย่างมากต่อเรื่องรูปร่างหน้าตาและความมั่นใจ อีกทั้งหลายครั้งการจะรักษาฝ้าให้ได้ผลก็ต้องอาศัยวิธีทางการแพทย์ที่มีราคาค่อนข้างสูง ในบทความนี้เราเลยจะมาแนะนำ วิธีลดฝ้า ราคาย่อมเยาสำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัด แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าวิธีเหล่านี้จะต้องทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ และอาจไม่ได้เห็นผลรวดเร็วทันใจ ใครที่อยากรู้แล้วว่าวิธีลดฝ้าในราคาประหยัดมีอะไรบ้าง ก็รีบไปอ่านกันเลย
วิธีลดฝ้าในราคาประหยัด ทำได้อย่างไรบ้าง?
วิธีลดฝ้า อย่างได้ผลในราคาเป็นมิตร มีดังนี้…
1. ปกป้องผิวจากแสงแดด
อย่างที่รู้กันว่ารังสี UV ในแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่กระตุ้นการเกิดฝ้า ดังนั้น ขั้นแรกของการจัดการปัญหาฝ้าก็คือการป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งการปกป้องผิวจากแสงแดดที่เราสามารถทำได้ก็ได้แก่…
- ทาผลิตภัณฑ์กันแดดเป็นประจำทุกวัน แม้แต่วันที่ไม่ได้ออกไปกลางแจ้ง โดยครีมกันแดดที่เหมาะกับแดดประเทศไทย ควรมีค่า SPF50 ขึ้นไป และสามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB นอกจากนี้ ก็ควรทาในปริมาณที่เพียงพอ และทาซ้ำทุกๆ 3-4 ชั่วโมงเมื่อต้องออกแดดจัดด้วย
- สวมเสื้อผ้าที่ช่วยป้องกันผิวจากแสงแดด สวมหมวก และใช้ร่มกัน UV เมื่อต้องออกไปข้างนอกในเวลาที่มีแดดจัด
ทั้งนี้ การปกป้องผิวจากแสงแดดเพียงอย่างเดียวอาจไม่ได้ทำให้ฝ้าที่มีอยู่หายไปซะทีเดียว แต่อย่างน้อยก็จะช่วยป้องกันไม่ให้ฝ้าเข้มขึ้นหรือขยายวงกว้างขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันปัญหาผิวอื่น ๆ ที่จะตามมาด้วย
2. ใช้สารออกฤทธิ์ชนิดทาเฉพาะที่
วิธีลดฝ้า แบบเข้าถึงง่ายที่หลายคนเลือกใช้ ก็คือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เคลมว่าสามารถลดเลือนฝ้าได้ โดยผลิตภัณฑ์ที่เรามองหา ควรมีส่วนผสมของสารออกฤทธิ์ที่สามารถแก้ไขเรื่องเม็ดสีผิวผิดปกติได้ ยกตัวอย่างเช่น…
- เรตินอยด์ (Retinoids) : เป็นสารในกลุ่มอนุพันธ์วิตามิน เอ ที่มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว และทำให้ฝ้าแลดูจางลงได้ โดยเรามักพบสารกลุ่มนี้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ในรูปของ retinol หรือ retinal อย่างไรก็ตาม สารกลุ่มเรตินอยด์มักทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง อีกทั้งยังเป็นสารห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์ ใครที่กังวลกับผลข้างเคียงจึงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเริ่มใช้
- วิตามิน ซี: เป็นสารที่มีฤทธิ์ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ และทำให้ผิวโดยรวมมีความกระจ่างขึ้น อีกทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสียหายให้แก่ผิว โดยเฉพาะเมื่อผิวต้องเผชิญกับแสงแดดและมลภาวะเป็นประจำ
- อาร์บูติน (Arbutin): สาร Alpha-arbutin (< 2%) ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า มีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว ทำให้ฝ้าบนใบหน้าดูจางลง และช่วยให้ผิวเรียบเนียนกระจ่างใสขึ้นได้
3. ลดฝ้าด้วยสารจากธรรมชาติ
มีสารสกัดจากธรรมชาติหลากหลายชนิดที่มีฤทธิ์ช่วยปลอบประโลมผิว ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดความเสียหายของผิวที่เกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น…
- สารสกัดจากว่านหางจระเข้ : มีสรรพคุณช่วยลดความร้อนและอาการอักเสบบนผิว รวมถึงช่วยปลอบโยนผิวจากการระคายเคือง จึงมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดฝ้าและปัญหาผิวอื่น ๆ เพิ่มเติม
- สารสกัดจากใบชาเขียว : ใบชาเขียวอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการอักเสบของผิวแล้ว ยังช่วยปกป้องเซลล์ผิวไม่ให้เกิดความเสียหาย รวมถึงช่วยยับยั้งการลุกลามของฝ้าได้
4. การผลัดเซลล์ผิวด้วยตัวเอง
การผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกเป็นประจำ จะช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ฝ้าบนใบหน้าดูจางลงได้ โดยเราสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิว เช่น โทนเนอร์หรือซีรั่มที่มีส่วนผสมของ AHA และ BHA เป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ทั้งนี้ ควรระมัดระวังไม่ใช้กรดที่มีฤทธิ์แรงเกินไป และไม่ใช้บ่อยจนเกินไป เพราะผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้
5. ปรับเปลี่ยนไลฟสไตล์ให้ดีต่อสุขภาพผิว
อีกหนึ่ง วิธีลดฝ้า ที่ได้ผลแต่มักถูกคนมองข้าม ก็คือการปรับเปลี่ยนไลฟสไตล์ให้ดีต่อสุขภาพผิวในทุก ๆ มิติ ยกตัวอย่างเช่น การดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อคงความชุ่มชื้นของผิวหนัง และเสริมให้ผิวมีความแข็งแรง การหลีกเลี่ยงความเครียดและมลภาวะ เพราะทั้งสองอย่างนี้เป็นตัวการที่ทำให้ปัญหาฝ้าแย่ลงได้ นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการพักผ่อนให้เพียงพอ และการรับประทานอาหารที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อย่างผักและผลไม้นานาชนิด ซึ่งจะช่วยบำรุงผิวจากภายในให้มีสุขภาพดี และช่วยลดผลกระทบต่อผิวที่เกิดจากแสงแดดและมลภาวะ ซึ่งย่อมรวมไปถึงปัญหาฝ้าด้วย
6. ใช้สกินแคร์ที่เหมาะกับผิว
การใช้สกินแคร์ที่อ่อนโยนและเหมาะกับผิวหน้าเป็นประจำสม่ำเสมอ นอกจากจะช่วยลดสารพัดปัญหาผิวที่อาจตามมาแล้ว ยังช่วยให้ผิวมีความแข็งแรง และทำให้ฝ้าบนใบหน้าดูดีขึ้นได้ด้วย โดยนอกจากครีมกันแดดและสารที่มีฤทธิ์ลดฝ้าโดยตรงแล้ว ขั้นตอนการบำรุงผิวและสกินแคร์ที่มีความจำเป็น ก็ได้แก่:
- ผลิตภัณฑ์คลีนซิ่งและคลีนเซอร์ ซึ่งใช้ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดหมดจด ลดการสะสมตัวของสิ่งสกปรก เซลล์ผิวเก่า รวมถึงฝุ่นควันและมลภาวะ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ฝ้าแย่ลงได้
- มอยซ์เจอไรเซอร์ ในรูปแบบครีมหรือโลชั่น ซึ่งช่วยคงความชุ่มชื้นของผิว และฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวให้มีความแข็งแรง
7. ขอคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนัง
การลดเลือนฝ้าด้วยตัวเองตามวิธีที่กล่าวมาข้างต้น สามารถช่วยให้ฝ้าจางลงได้เล็กน้อย และป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าเพิ่มขึ้นได้เท่านั้น แต่หากต้องการให้ฝ้าหายไปเกือบ 100% โดยเฉพาะคนที่มีฝ้าสีเข้มและกระจายเป็นวงกว้าง ก็ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คุณหมอประเมินสภาพปัญหาและหาแนวทางการรักษาฝ้าที่ตรงจุดและได้ผลดียิ่งขึ้น เช่น การฉีดฝ้าหรือการทำเลเซอร์ โดยหากเรามีงบประมาณจำกัด ก็สามารถแจ้งงบประมาณกับคุณหมอก่อนล่วงหน้า เพื่อให้คุณหมอหาตัวเลือกที่เหมาะกับเราที่สุดในราคาที่ยังคงเป็นมิตรต่อกระเป๋าตังนั่นเอง
สรุป
นี่คือ 7 วิธีลดฝ้า ในราคาเอื้อมถึงที่เรานำมาฝาก อย่างไรก็ตาม ตามที่ได้กล่าวไปแล้วว่าวิธีเหล่านี้จะต้องอาศัยความต่อเนื่องสม่ำเสมอ และต้องใช้เวลาระยะหนึ่งจึงจะสามารถเห็นผลได้ ดังนั้น หากต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันใจ หรือใช้วิธีเหล่านี้แล้วฝ้ายังไม่ดีขึ้น การลงทุนรักษาฝ้ากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็อาจเป็นแนวทางที่คุ้มค่า
บทความนี้เขียนโดย แพทย์หญิงธนิดา วรวิวัชร์ (หมอใบเฟิน) แพทย์ศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ก่อตั้ง Chuladoctor Clinic แพทย์ผู้มีความถนัดและประสบการณ์ด้านการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม การเปลี่ยนรูปร่างถึงระดับเซลล์และการแก้ปัญหาผิวพรรณจากภายใน