ฝ้า กระ จุดด่างดำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ เป็นปัญหาผิวที่เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อายุที่เพิ่มขึ้น การอักเสบของผิวหนัง ไปถึงการสัมผัสรังสี UV ในแสงแดดเป็นประจำ ซึ่งการรักษาที่สามารถทำได้ก็มีด้วยกันหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสภาพผิวของแต่ละคน วันนี้เราจะมาแชร์เทคนิคการ รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วยวิธีต่าง ๆ ที่ค่อนข้างได้ผล ปลอดภัย และได้รับความนิยม มาดูกันว่าวิธีไหนจะเหมาะกับปัญหาผิวของเราบ้าง

การทายาและสกินแคร์เฉพาะที่เป็นวิธีพื้นฐานที่คนส่วนใหญ่มักเลือกใช้ เนื่องจากมีราคาย่อมเยา ผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย อีกทั้งสามารถใช้ร่วมกับวิธีการรักษาอื่น ๆ ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม การ รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วยวิธีนี้ก็อาจเห็นผลค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับเทคนิคอื่น ๆ ทั้งนี้ ตัวยาหรือสารที่มีฤทธิ์ในการลดเลือนจุดด่างดำที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แก่…

• เรตินอยด์ (Retinoids): เรตินอยด์คือสารอนุพันธ์ของวิตามิน เอ ซึ่งมีฤทธิ์ในการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียน สม่ำเสมอยิ่งขึ้น และลดเลือนจุดด่างดำได้ อย่างไรก็ตาม การใช้เรตินอยด์ที่มีฤทธิ์รุนแรงเกินไปก็อาจทำให้ผิวเกิดอาการแสบ ลอก ระคายเคืองได้ อีกทั้งยังเป็นสารต้องห้ามใช้ในสตรีตั้งครรภ์ด้วย
• วิตามิน ซี: วิตามิน ซี ในรูป Ascorbic acid จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง อีกทั้งยังมีฤทธิ์ช่วยลดความหมองคล้ำ จุดด่างดำ และทำให้ผิวสว่างกระจ่างใสขึ้นได้ด้วย
• Azelaic Acid: เป็นสารที่มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบและลดการเกิดเม็ดสีผิวผิดปกติ อันเป็นสาเหตุของฝ้า กระ จุดด่างดำ อีกทั้งยังค่อนข้างอ่อนโยนต่อผิว จึงเหมาะกับผิวที่บอบบางและระคายเคืองง่าย
• Niacinamide: เป็นรูปหนึ่งของวิตามิน บี3 ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยลดความหมองคล้ำ ลดเลือนจุดด่างดำ และปรับสภาพผิวโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การลอกผิวด้วยสารออกฤทธิ์ทางเคมี หรือ Chemical peels เป็นเทคนิคที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้เซลล์ผิวเก่าที่มีเม็ดสีผิดปกติหลุดลอกออกไป และเผยผิวใหม่ที่เรียบเนียนกระจ่างใสยิ่งขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปสารที่มักใช้ในการลอกผิวเพื่อลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ ได้แก่ กรด AHAs ชนิดต่าง ๆ ที่สกัดได้จากผลไม้ ยกตัวอย่างเช่น

• Glycolic Acid: เป็นกรดโมเลกุลค่อนข้างเล็กที่จะช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระจ่างใสยิ่งขึ้น และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้
• Lactic Acid: เป็นกรดชนิดที่อ่อนโยนกว่า ซึ่งสามารถปรับสภาพผิวโดยรวม ช่วยให้สีผิวมีความสม่ำเสมอ โดยไม่สร้างความระคายเคืองให้แก่ผิวมากนัก

ทั้งนี้ การลอกผิวด้วยกรดอาจทำให้ผิวที่บอบบางและอักเสบอยู่แล้ว เกิดอาการแสบ แดง ระคายเคือง หรือแห้งลอกได้ กรด AHAs ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ทั่วไปจึงควรมีความเข้มข้นไม่เกิน 10% อีกทั้งควรใช้เพียง 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น

การ รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ด้วยเลเซอร์ เป็นอีกหนึ่งวิธียอดฮิต เนื่องจากการทำเลเซอร์ให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างชัดเจน อีกทั้งยังมีหลายเทคนิคและหลายเรทราคาให้เลือก โดยเทคนิคเลเซอร์ที่นิยมใช้ในการลดเลือนฝ้ากระและจุดด่างดำเฉพาะที่ ได้แก่

• Fractional Laser Resurfacing: เป็นการยิงลำแสงเลเซอร์มุ่งเป้าไปทำลายเม็ดสีเมลานินในชั้นผิว ทำให้จุดด่างดำต่างๆ ดูจางลงได้ เมื่อรักษาอย่างต่อเนื่อง
• Pulsed Dye Lasers: เป็นเทคนิคที่ได้ผลดีในการรักษารอยคล้ำที่เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยใต้ชั้นผิวหนัง ซึ่งรวมไปถึงการลดเลือนฝ้าเลือดด้วย
• Nd YAG Laser: เป็นเทคนิคการรักษาที่พุ่งเป้าไปที่เม็ดสีผิวผิดปกติโดยตรง โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังโดยรอบ

แม้การทำเลเซอร์จะได้ผลลัพธ์ค่อนข้างดี แต่ก็จำเป็นต้องทำซ้ำต่อเนื่องกันหลายครั้ง อีกทั้งเทคนิคส่วนใหญ่ยังมักทำให้ผิวหน้าเกิดอาการแห้ง ลอก แดง ไวต่อแสง หรือผิวบางลงได้ ทำให้มีโอกาสกลับมาเป็นฝ้าใหม่ได้เช่นกัน ส่วนเทคนิคที่ไม่ค่อยระคายเคืองต่อผิวก็มักมีราคาสูง

สารสกัดจากธรรมชาติบางชนิดที่มีฤทธิ์ช่วยให้สภาพผิวดีขึ้น และทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำ ลดเลือนลงได้ ตัวอย่างเช่น

• สารสกัดว่านหางจระเข้ (Aloe Vera): มีสรรพคุณช่วยปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ และอาจช่วยให้ฝ้ากับจุดด่างดำตื้น ๆ จางลงได้
• สารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extract): อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายจากแสงแดด และมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำเพิ่มเติมได้
• สารสกัดจากชะเอมเทศ (Licorice Extract): มีฤทธิ์ช่วยปลอบโยนผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน และสว่างกระจ่างใสขึ้นได้

สารสกัดจากธรรมชาติเหล่านี้มักอยู่ในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ต่างๆ ซึ่งการใช้เป็นประจำก็จะช่วยให้ผิวที่มีฝ้า กระ และจุดด่างดำดูดีขึ้น แต่ลำพังการใช้สารสกัดอย่างเดียวอาจให้ผลไม่ชัดเจนนัก จึงจำเป็นต้องใช้วิธีรักษาอื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า

มีหัตถการและวิธีทางการแพทย์หลากหลายรูปแบบที่สามารถช่วยลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ อย่างได้ผล ยกตัวอย่างเช่น

• Microneedling: เป็นการใช้เข็มขนาดเล็กมากๆ ทิ่มลงบนผิวเพื่อให้เนื้อเยื่อเกิดแผลเล็กๆ เทคนิคนี้นอกจากจะกระตุ้นให้ผิวเร่งฟื้นฟูตัวเองและสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยให้รอยคล้ำ จุดด่างดำ และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอดูดีขึ้นได้ด้วย
• Intense Pulsed Light (IPL): เป็นการใช้พลังงานแสงแบบ broad-spectrum เพื่อกำจัดเม็ดสีเมลานินใต้ชั้นผิว ทำให้จุดด่างดำ ฝ้า กระ ดูจางลงได้ เมื่อทำต่อเนื่องหลายครั้ง
• สารสกัดจากชะเอมเทศ (Licorice Extract): มีฤทธิ์ช่วยปลอบโยนผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน และสว่างกระจ่างใสขึ้นได้
• การดริฟสลายฝ้า กระ จุดด่างดำ: การนำสารออกฤทธิ์บางชนิดเข้าสู่ผิว เช่น วิตามินบำรุงผิว กรดอะมิโน รวมไปถึงสารสกัดจากสเต็มเซลล์และโกรทแฟคเตอร์เข้มข้น เป็นอีกหนึ่งเทคนิค รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ยอดฮิต เนื่องจากสารที่ฉีดเข้าไปจะไปทำการยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว พร้อมกับกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน อิ่มฟู และช่วยให้ฝ้า กระ จุดด่างดำ ลดเลือนลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด นอกจากนี้ การฉีดสารสกัดจากสเต็มเซลล์และโกรทแฟคเตอร์ยังช่วยให้ผิวมีความแข็งแรง สุขภาพดีขึ้น ช่วยป้องกันการเกิดฝ้าและจุดด่างดำขึ้นใหม่ ซึ่งถือเป็นการแก้ไขปัญหาทั้งที่ต้นเหตุและปลายเหตุไปพร้อมกัน

นอกเหนือจากการรักษาแล้ว การป้องกันไม่ให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำเพิ่มเติม หรือกลับมาเป็นซ้ำ ก็เป็นสิ่งที่ห้ามละเลยเช่นกัน โดยขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก็คือการปกป้องผิวจากแสงแดดด้วยการทาผลิตภัณฑ์กันแดด รวมถึงสวมหมวกและใช้ร่มกันแดดในยามจำเป็น สำหรับใครที่ต้องการวิธี รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่ได้ผล ปลอดภัย และตรงกับสภาพปัญหาของเรามากที่สุด ก็ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาเทคนิคการรักษาที่เหมาะสมอละได้ผลกับเราโดยเฉพาะได้

บทความนี้เขียนโดย คุณหมอใบเฟิร์น หัวหน้าทีมแพทย์ Chuladoctor แพทยศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แพทย์ผู้มีประสบการณ์และความเข้าใจด้านการฟื้นฟูผิวหน้า และ ฟื้นฟูสุขภาพจากภายใน